ฟังเนื้อหาผ่าน Indybook’s Podcast

โดยส่วนตัวผมชอบหนังสือเล่มนี้มาก เรื่องราวต่าง ๆ ถูกผูกปมไว้อย่างซับซ้อน ซึ่งจะค่อย ๆ คลายปมอย่างน่าอัศจรรย์ ฉากถูกสลับไปมาระหว่างอดีตและปัจจุบัน ผู้เขียนเชื่อมโยงเรื่องราวในแต่ละบท ที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันแต่มีจุดร่วมกัน เมื่อคุณอ่านผ่านไป ปมต่าง ๆ จากบทก่อนหน้านั้นจะค่อย ๆ เปิดเผยอย่างไม่อาจคาดเดา ใครจะรู้ว่าเหตุการณ์พื้น ๆ บางช่วงคือปมสำคัญที่รอการคลี่คลาย…ผู้อ่านก็เหมือนถูกเงื่อนตายพันธนาการไว้ จนวางนิยายเล่มนี้ไม่ได้จริง ๆ

ผมอ่านหนังสือเล่มนี้จบในตอนที่เดินทางมาทำงานที่ญี่ปุ่น ซึ่งกำหนดตรงกับวันที่ 13 กันยายน ซึ่งเป็นวันเดียวที่ร้านขายของชำของคุณนามิยะที่ถูกทิ้งร้างสามารถเชื่อมโยงกับอดีตได้…

ปาฏิหาริย์ร้านชำ ของคุณนามิยะ
เขียนโดย ฮิงาชิโนะ เคโงะ
แปลโดย กนกวรรณ เกตุชัยมาศ

เป็นเรื่องราวของร้านขายของชำในอดีตซึ่งเจ้าของคือคุณนามิยะ ได้เปิดให้ผู้คนสามารถสอบถามปัญหาต่าง ๆ ผ่านจดหมาย ช่วงแรกมีคนถามคำถามแบบเล่นสนุก และมีบางคำถามทีจริงจัง ทำให้คุณนามิยะต้องตั้งใจตอบเป็นอย่างมาก ส่งผลให้บางคำตอบได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของคนบางคน…

หลังจากคุณนามิยะได้เสียชีวิตไปร้านจึงถูกปล่อยทิ้งร้างไว้…30 ปี ต่อมามีโจร 3 คนได้เข้ามาหลบในสถานที่แห่งนี้ และได้พบกับความมหัศจรรย์ เมื่อมีเหตุการณ์บางอย่าง ทำให้ร้านชำที่ถูกทิ้งร้าง สามารถเชื่อมโยงไปยังอดีตได้…

ต่อไปนี้เป็นเนื้อหาที่สปอยนิดหน่อย..แต่ไม่เยอะจนเสียอรรถรส ผมจะเล่าเรื่องราวแต่ละบทเล็กน้อย เพื่อให้ง่ายในการตัดสินใจเพื่อซื้อมาอ่านกันครับ

บทที่  1

เป็นเรื่องของโจร 3 คนที่จำเป็นต้องเข้ามาหลบในร้านของชำนามิยะ ซึ่งถูกปล่อยให้ทิ้งร้างไว้ อยู่ดี ๆ ก็มีจดหมายที่ส่งมาจากอดีต จากผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องเลือกระหว่างการคัดตัวเข้าแข่งขันโอลิมปิก กับการดูแลแฟนที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย โจรทั้งสามตัดสินใจตอบจดหมายให้คำปรึกษาผู้หญิงคนนั้นไป..และโต้ตอบกันหลายครั้ง ผลสุดท้ายผู้หญิงคนนั้นจะตัดสินใจอย่างไร ต้องลองติดตามในหนังสือนะครับ ^^

บทแรกนี้ถึงช่วงต้นเรื่องจะเป็นการดำเนินเรื่องที่เนิบๆ มีบทสนทนาเยอะแต่ก็อ่านเพลินดี พอเข้ากลางเรื่อง รู้ตัวอีกทีก็วางนิยายเล่มนี้ไม่ลงเสียแล้ว เพราะลุ้นถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น…

บทที่ 2

เริ่มต้นเรื่องของนักดนตรีสมัครเล่นที่ไปเล่นในงานวันคริสต์มาสของสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง มีเด็กสาวคนหนึ่งสนใจถามถึงเพลงสุดท้ายที่เขาเล่น ซึ่งเขาเป็นคนแต่งขึ้นมาเอง…

หลังจากนั้นผู้เขียนก็พาเราย้อนกลับไปในอดีต สมัยที่เขาเริ่มเล่นดนตรี และได้ลาออกจากมหาลัยกลางคัน ทะเลาะกับพ่อแม่ที่หวังจะให้มาสืบทอดกิจการของที่บ้าน จนวันหนึ่งมีเหตุการณ์คุณย่าของเขาเสียชีวิต จึงจำเป็นต้องกลับมางานศพที่บ้านเกิด… และได้พบว่าพ่อได้ล้มป่วยด้วยโรคหัวใจอย่างหนัก ..เค้าต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า จะรับกิจการต่อจากพ่อหรือเดินทางสู่ความฝันของตัวเองต่อไป…

บทที่สองดำเนินเรื่องแบบคาดไม่ถึง สลับเป็นมุมมองจากตัวละครในอดีตแทนที่จะเป็นโจรทั่ง 3 คน เป็นมุมมองจากคนที่เขียนจนหมายมาปรึกษา..ซึ่งน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง และจบตอนแบบทำให้รู้สึกขนลุกจริง ๆ

บทที่ 3

เป็นเรื่องของคุณนามิยะในอดีตที่รับตอบปัญหาต่าง ๆ ของผู้คน จนถึงวาระสุดท้าย ซึ่งเขาได้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ความน่าพิศวงของร้านขายของชำ นามิยะ เกิดขึ้นในคืนที่เขากลับมายังร้านขายของชำที่ถูกทิ้งร้าง ในช่วงสุดท้ายของชีวิต…

บทนี้เป็นบทหนึ่งที่ทำให้รู้สึกตื้นตันใจสุดสุดๆเลยครับ

บทที่ 4

เริ่มต้นด้วยชายหนุ่มเดินทางมายังร้านนามิยะเพื่อส่งจดหมาย แต่ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม เลยแวะดื่มเบียร์ร้านที่ได้วงเดอะบิตเทิลส์เป็นแรงบันดาลใจ บทสนธนาเรื่องวงดนตรีกับเจ้าของร้านก็เลยเกิดขึ้น เหตุการณ์ก็สลับไปยังอดีตที่เคยส่งจดหมายไปปรึกษาคุณนามิยะ…

เป็นตอนที่คาดเดาไม่ได้เลย ผู้เขียนผูกปมไว้แน่นหนาหลายปม ซึ่งเนียนจนไม่รู้ว่ามันคือปมที่ผูกไว้ แล้วก็ค่อย ๆ คลายปมไปทีละเปลาะอย่างสวยงามและแนบเนียน ทำให้รู้สึกหลากหลายอารมณ์ เศร้า หดหู่ ตกใจ ดีใจ ปลาบปลื้มใจ และ ความรัก…

บทที่ 5

เหตุการณ์สลับกลับมาในปัจจุบันอีกครั้ง หลังจากที่โจรทั้งสามได้ให้คำปรึกษาไปหลายฉบับซึ่งรู้สึกดีและสับสน…ทั้งสามได้ตัดสินใจให้คำปรึกษาเป็นครั้งสุดท้าย… กับหญิงสาวที่ทำงานเป็นพนักงานบริษัทและสาวนั่งดริ้งในเวลาเดียวกัน ซึ่งเธอกำลังตัดสินใจครั้งสำคัญในการเลือกทางเดินในของชีวิต…

บทนี้เป็นบทจบของเรื่องทั้งหมด ผู้เขียนได้คลายปมข้อสงสัยได้หมดสิ้น จบได้น่าตื้นตันใจ เต็มไปด้วยข้อคิดและแรงบันดาลใจ…

สำหรับใครที่อ่านมาได้ถึงตรงนี้ ผมอยากจะบอกว่า หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือนิยายที่มีพลังแรงกระตุ้นให้ผมไล่ล่าหาความฝันอีกครั้ง บางครั้งความสำเร็จมันเป็นเส้นบาง ๆ ระหว่างความล้มเหลวและการล้มเลิกจริงๆ

… จงทำวันนี้ให้ดีจนตัวเองในอนาคตไม่สามารถกล่าวโทษตัวเองในวันนี้ได้ ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ ^^