ฟังเนื้อหาผ่าน IndyBook’s Podcast

เส้นทางชีวิตของ CEO อายุน้อยที่ปั้นแบรนด์ Haewon ด้วยตนเองตั้งแต่ 0 จนถึงจนประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เธอผ่านการเลี้ยงดูและสังคม(ส่วนใหญ่) บอกให้เรียนจบสูง ๆ ได้เข้าทำงานประจำกับบริษัทที่มีความมั่นคงแล้วก็จะประสบความสำเร็จ

แต่เธอกลับเลือกเส้นทางเป็นเจ้าของแบรนด์ที่ทำธุรกิจออนไลน์ ที่มีตัวแทนอยู่ในโลกออนไลน์และออฟไลน์กว่า 30,000 คน และเป็นเจ้าของคลินิกความงามมาตรฐานสากลอย่า Haewon Clinic และยังเดินหน้าปั้นสินค้าใหม่ ๆ เข้าไปในตลาดอย่างสม่ำเสมอ..

เธอผู้นั้นชื่อว่าคุณดลหทัย ทีนะกุล CEO Haewon เรื่องราวของเธอเป็นสิ่งที่เธอนำมาบอกเล่าจากประสบการณ์ตรง เจ็บจริง สำเร็จจริงไม่มโน สามารถนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับธุรกิจหรือชีวิตของผู้อ่านได้จริง ๆ ครับ

ผมขอยกเรื่องราวบางส่วนในหนังสือที่ผมประทับใจมาเล่าให้ทุกคนฟัง ส่วนถ้าสนใจข้อมูลเพิ่มเติมสามารถหาซื้อหนังสือได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป ผมรับรองว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจออนไลน์มาก ๆ ครับ


คุณดลหทัยหรือคุณมายเริ่มเป็นแม่ค้าขายของออนไลน์ตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 2 แต่ก็แอบ ๆ ทำไม่บอกใคร เพราะตอนนั้นผู้คนจำนวนมากไม่รู้ว่าธุรกิจออนไลน์คืออะไร จึงรู้สึกอาย กลัวไม่มีใครยอมรับ

คนจะซื้อของออนไลน์ก็กลัวที่จะถูกโกง โอนเงินไปก็ไม่รู้ว่าจะได้ของหรือเปล่า ของที่ได้มามีคุณภาพหรือเปล่า แต่ถ้าสามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้ ลูกค้าจะสนใจและเข้ามาซื้อของมากขึ้น

สิ่งที่คุณมายทำในตอนนั้นคือการทำเพจให้น่าเชื่อถือทำ Value Content ให้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องสำอาง, Tie In สินค้าในร้านไปด้วย ดูแลลูกค้าแบบ 1 ต่อ 1 ช่วยแนะนำลูกค้าให้มากที่สุด สุดท้ายลูกค้าก็มีความไว้วางใจซื้อสินค้าหลักหมื่น ซึ่งสำหรับชีวิตนักศึกษาการได้เงินหลักหมื่นถือเป็นเงินก้อนใหญ่มากในตอนนั้น

หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ทำและได้กำไรมากขึ้นเรื่อย ๆ พอเรียนจบมหาวิทยาลัยก็มีเงินเก็บก้อนแรกหลักแสนบาท ซึ่งเป็นความภูมิใจและได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก จนสามารถขยายธุรกิจให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น เช่นขยายไปในกลุ่มอาหารเสริม ส่งผลให้สร้างรายได้เจ็ดหลักในเวลาต่อมา

คุณมายฝากบอกว่าใครที่เริ่มปั้นธุรกิจออนไลน์อยู่จงภูมิใจในอาชีพนี้เพราะ

  • อาชีพที่กำลังเติบโตทั่วทุกมุมโลก
  • อาชีพที่เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
  • อาชีพที่ให้อิสระทำงานที่ไหนตอนไหนก็ได้
  • อาชีพที่สร้างอนาคตของเราและครอบครัว

จงภูมิใจ…โดยที่ไม่ต้องรอให้ใครมาบอกว่า “จงภูมิใจ”


คนส่วนใหญ่มองคนที่เกิดมารวยและประสบความสำเร็จ ว่าสามารถประสบความสำเร็จได้เพราะเงิน เห็นคนที่มีโอกาสก็บอกว่าเขาโชคดีที่มีโอกาส เห็นคนที่ประสบความสำเร็จเพราะมีความสามารถก็บอกว่าเขาโชคดีที่มีความสามารถถ้าไม่เก่ง ไม่มีพรสวรรค์ก็คงทำไม่ได้อย่างนี้ เรามองเห็นที่มาทุก ๆ อย่างของความสำเร็จของคนอื่น

“ยกเว้นเรื่องของความเพียรพยายามและความตั้งใจ ..ของพวกเขาเหล่านั้น”

ในโลกนี้.. มีคนมากมายไม่มีต้นทุนรองรับ แต่ดิ้นรนทำมาหากินจนเปลี่ยนชีวิตตัวเองได้จริง และมีคนอีกมากมายเช่นกันที่ไม่ได้มีโอกาสลอยมาถึงหน้าบ้าน เค้าไม่ได้มีพรสวรรค์ ไม่ได้เก่ง ไม่ได้แสวงหา แต่เป็นนักพัฒนาตัวเองตัวยง


ก่อนจะเริ่มธุรกิจสิ่งที่จะทำให้ธุรกิจยุคนี้รอดจากกระแส disrupt ด้วยเทคโนโลยี ที่ทำให้รายเล็กหรือรายใหญ่มีต้นทุนในการผลิตและทำธุรกิจไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ก็คือการออกแบบโมเดลธุรกิจที่ดี

โมเดลธุรกิจที่ดีเปรียบเสมือนโครงสร้างบ้านที่แข็งแรง ทนร้อน ทนหนาว ทนฝน เพราะการทำธุรกิจต้องเจอปัจจัยภายนอกมากระทบตลอดเวลา คำถามคือจะรู้ได้ยังไงว่าโมเดลธุรกิจที่เราคิดนั้นดีแล้วหรือยัง?

ลองรีเช็คด้วยคำถาม 5 ข้อนี้ดู

  1. ลูกค้าเปลี่ยนใจจากแบรนด์ของคุณได้ง่ายแค่ไหน
    ถ้าลูกค้าสามารถเปลี่ยนใจไปซื้อแบรนด์อื่นได้ง่าย คุณจะต้องสูญเสียงบการตลาดไปกับการสร้างฐานลูกค้าใหม่เรื่อย ๆ ไม่จบสิ้น
  2. ธุรกิจของคุณมีรายได้กี่ช่องทาง และมีรายได้ที่แน่นอนบ้างมั้ย?
    รายได้ก็เหมือนน้ำหล่อเลี้ยงธุรกิจ รายได้ที่แน่นอนหมายความว่าลูกค้าต้องกลับมาซื้อซ้ำทุกเดือนเช่น ธุรกิจคอนแทคเลนส์ เราสามารถทราบได้ว่าลูกค้าต้องกลับมาซื้ออย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้งนั่นเองครับ
  3. ธุรกิจของคุณมีข้อจำกัดในการขยับขยายหรือไม่
    หลายครั้งที่ธุรกิจอยู่ในกระแส ยอดขายดี หากธุรกิจที่สร้างมาไม่รองรับการเติบโตทำให้มีเพดานรายได้ ดังนั้นธุรกิจควรออกแบบมาให้เอื้อกับบุคคลที่สามสามารถสานต่อได้ เช่นสามารถทำเฟรนไชด์ได้
  4. โมเดลธุรกิจที่คุณสร้างมา “ง่าย” ต่อการเลียนแบบหรือไม่
    ก่อนที่จะปั้นธุรกิจขึ้นมาอย่าลืมตรวจเช็คว่าใคร ๆ ก็ทำแบบเราได้หรือไม่ เรามีสิ่งใดที่เป็นความได้เปรียบในการแข่งขันหรือไม่?
  5. ธุรกิจของคุณมีระบบจัดเก็บฐานข้อมูลหรือไม่?
    ยุคนี้จำเป็นต้องใช้ Big Data ในการวางแผนธุรกิจ เพราะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ อย่าคิดแทนลูกค้า นำข้อมูลที่ได้มามาตัดสินใจ จะสามารถช่วยให้เราสามารถบริหารทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บางคนทำโมเดลธุรกิจตามเช็คลิตแล้วท้อใจ ต้องเช็คอะไรไม่รู้เต็มไปหมด ผู้เขียนบอกว่าไม่เป็นไรให้ล้มบนกระดาษเสียให้พอ เพราะการล้มบนกระดาษเจ็บน้อยกว่าล้มในชีวิตจริงเยอะครับ


สิ่งที่จะยึด “ใจ” ของลูกค้าได้ คือการทำแบรนด์ เพราะแบรนด์คือ Bonding ที่ผูกใจของผู้บริโภคไว้ไม่ให้ไปที่อื่น ถ้าไม่สร้างแบรนด์เราอาจสูญเสียคุณค่าทางการตลาดไปกับการหาลูกค้าใหม่อีกไม่รู้เท่าไหร่

ถึงแม้จะเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าเหมือนกับเจ้าอื่น ทำไม่ลูกค้าต้องซื้อสินค้าที่เรา นั่นคือการสร้างแบรนด์

ยุคนี้ไม่ใช่ยุคที่ลูกค้าจะจำโลโก้และซื้อสินค้าอีกต่อไป แบรนด์ไม่ได้เกิดจากภาพลักษณ์อย่างเดียว แต่เกิดจากการสะสมการรับรู้ จนเกิดเป็นประสบการณ์ (Brand Experience) ถ้าคุณสามารถทำให้แบรนด์กลายเป็นความสำพันธ์ฉันเพื่อนได้ ลูกค้าจะมองหาแบรนด์ของเราเองโดยอัตโนมัติ


บาดแผลนักรบ

เมื่อมองมาที่เบื้องหน้าของความสำเร็จมักสวยงามเสมอ

เรามักมองเห็นคนที่ประสบความสำเร็จมีชีวิตเพียบพร้อมตามสไตล์คนรวย บ้านหรู รถหรู ชีวิตสะดวกสบาย จนเรามักมีคำถามที่ว่า ทำไมชีวิตดีจัง ทำอะไรก็ดูง่ายไปหมด จริงอยู่ที่ผลลัพธ์ของความสำเร็จย่อมสวยงามเสมอ แต่สิ่งที่พวกเราเห็นเป็นเพียงตอนสุดท้าย และอาจจะฟังดูโหดร้ายที่ต้องบอกความจริงว่า “โลกนี้ไม่มีอะไรฟรีสักอย่าง” เพราะทุกความสำเร็จย่อมต้องแลกด้วยบางสิ่งบางอย่างเสมอ

เช่นคุณมายแลกปริญญาโทมาด้วยการตื่นตีห้า ขายของส่งของตอนเรียน กลับดึก นอนน้อยกว่าเพื่อน และไม่มีสังคมเพื่อนในระดับปริญญาโท

อย่างปีแรกของการทำธุรกิจ มีแต่รายจ่ายโดยไม่รู้ว่ารายได้จะเข้ามาเมื่อไหร่ ถูกหลอกให้สั่งบรรจุภัณฑ์หลายแสน และเมื่อมีปัญหาก็ไม่ได้รับการดูแล ออกหาช่องทางการขาย “โดนปฏิเสธ” ซ้ำยังดูถูกด้วยสายตาครั้งแล้วครั้งเล่า ลงทุนโปรโมตสินค้าลงทุนก้อนใหญ่ แต่ไม่ได้ลูกค้าแม้แต่คนเดียว ถูกตัดสินจากสิ่งที่คนอื่นมองเห็น

“ความสำเร็จต้องการหัวใจที่เข้มแข็ง มากกว่าเงินทุนก้อนหนา”

ความล้มเหลวทำให้ชีวิตเติบโต ถ้าทุกปัญหาที่เข้ามาฆ่าคุณไม่ได้ คุณจะเติบโตแน่หลังจากที่รักษาตัวเองจนหายดี อยากสำเร็จ “ต้องรีบล้มเหลว” ให้ไว ลุกให้เร็วขึ้น


ถ้าไม่มีเงินทุน จากหาต้นทุนจากที่ไหน?

เรื่องเงินเป็นปัจจัยสำคัญที่ “ต้องมี” มีมากหรือน้อยไม่มีใครตอบได้ ถ้าตัดสินใจทำธุรกิจอย่ารอช้าต้องเริ่มสะสมมีเงินเก็บ และไม่อยากเสี่ยงให้เงินทุนทั้งหมดหายไปกับการปั้นธุรกิจ นี่เป็น 5 ไอเดียที่จะช่วยให้มีต้นทุนเพื่อสร้างธุรกิจตามที่ตั้งใจไว้

1. เริ่มต้นธุรกิจจาก “สิ่งที่คุณมี

สำรวจตัวเองว่าคุณ “มีอะไรบ้าง”

  • มีความสามารถอะไร
  • มีข้อดีอะไร
  • มีเงินทุนเท่าไหร่
  • เงินเงินเก็บเท่าไหร่ ฯลฯ

การเริ่มค้นหาว่ามีอะไร จะช่วยให้เห็นความจริงว่าคุณมีอะไรบ้างที่เป็นผลดีต่อธุรกิจ และขาดอะไรที่ต้องหาเพิ่มเข้ามา

2. เขียนแผนธุรกิจไปเสนอ “แหล่งเงินทุน”
เราสามารถนำไอเดียเขียนแผนธุรกิจที่มีไปเสนอนักลงทุนหรือกู้ยืมเงินทุนได้

3. สร้างระบบที่ทำเงินมากกว่าต้นทุนให้คุณได้
ระบบออนไลน์มีช่องทางมากมายให้เกิด “รายได้” ตามมา การหาระบบที่เหมาะกับตัวเองสร้างรายได้ได้จริง เพื่อแปลงเป็นทุนสำหรับใช้เริ่มต้นปั้นธุรกิจออนไลน์ของคุณ

4. กู้เงินให้น้อย ทำเงินให้มาก
พอคิดถึงเรื่องการหาเงินทุน คนจำนวนไม่น้อยนึกถึงการกู้ยืมเงิน แต่ต้องระมัดระวังเสมอรวมถึงประเมินความเสี่ยงในการชำระหนี้ของคุณด้วย เพื่อลดปัญหาการขาดสภาพคล่อง (ธุรกิจต้องใช้เงิน คุณก็เช่นกัน)

5. มีแผนสำรองเรื่องเงินเสมอ
อย่าลืมว่าธุรกิจที่เราปั้นจะต้องไปต่อได้เรื่อย ๆ และการที่สินค้าขายดีในวันนี้ใช่ว่าจะขายดีตลอดไป
การมีแผนสำรองเรื่องเงินทุนไว้เสมอจึงจำเป็นต้องมีการวางแผนตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อในยามที่จะต้องเจอปัญหาใด ๆ ก็ตาม


ตัวผมเองก็เริ่มทำธุรกิจออนไลน์เป็นหลักแบบไม่คิดจะมีหน้าร้านเลย เพราะธุรกิจออนไลน์มีเครื่องมือช่วยผ่อนแรงเยอะ ไม่จำเป็นต้นใช้เงินมากก็สามารถเริ่มธุรกิจได้ และเป็นทางเดียวที่เราจะสามารถหาช่องว่างแข่งขันกับเจ้าใหญ่ในตลาดได้

การทำธุรกิจออนไลน์ทำให้การครอบครองทำเลที่ดี ไม่ได้มีความได้เปรียบอีกต่อไป เพราะธุรกิจเล็ก ๆ ก็สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วประเทศ ทั่วโลกโดยไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน…

ในเมื่อการทำธุรกิจบนโลกออนไลน์เริ่มต้นได้ง่ายและใช้ทุนไม่มากนัก ก็ทำให้มีคู่แข่งมากด้วย การวางกลยุทธ์และการสร้างแบรนด์จึงสำคัญมาก ๆ เพื่อให้ธุรกิจมีความยั่งยืนและอยู่ได้ครับ

ขอบคุณมากที่ฟังจนจบ อย่าลืมกดติดตามในทุกช่องทางที่คุณรับฟังจะได้ไม่พลาดเรื่องราวดี ๆ ที่ผมนำมาเล่าให้ฟังในทุก ๆ สัปดาห์ครับ สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อนสวัสดีครับ