เขียนโดย คุณงามพรรณ เวชชาชีวะ

วรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (The S.E.A. Write Award) ประจำปี 2549
ปัจจุบัน พิมพ์ครั้งที่ 107 (พฤศจิกายน 2561)
ถูกนำไปทำเป็นภาพยนตร์ ในปี พ.ศ. 2552 ชื่อเดียวกับหนังสือ และยังมีหนังสือภาคต่อคือ ความสุขของกะทิ ตอนตามหาพระจันทร์ และความสุขของกะทิ ตอนในโลกใบเล็ก

นิยายเยาวชนเล่มนี้ผมได้ยินชื่อเสียงมานาน แต่เพิ่มมีโอกาสอ่านเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง น่าเสียดายอย่างยิ่งที่อ่านช้าไปมาก

เนื้อเรื่องดำเนินโดยเด็กหญิงกะทิเป็นจุดศูนย์กลาง กะทิอาศัยอยู่กับตายาย ณ บ้านริมน้ำในชนบท เป็นชีวิตมีความสุขกับสิ่งเล็ก ๆ ที่อยู่รอบตัว เช่นเสียงเคาะตะหลิวของยายในตอนเช้า

เนื้อเรื่องดำเนินไปด้วยความเรียบง่ายแต่น่าติดตามจนวางไม่ลง ค่อย ๆ คลายปมและปริศนาต่าง ๆ ในใจของกะทิและผู้อ่านไปเรื่อย ๆ


“บางคนวิ่งไล่ความฝันไปเรื่อย ๆ จนไม่รู้จริง ๆ ว่าความฝันที่ว่าอยู่ใกล้ตัวนี่เอง”

ลุงตองพูดเรื่อย ๆ ขณะจูงมือกะทิชมสวน


ถึงแม้ชื่อเรื่องจะเกี่ยวกับความสุข แต่ในขณะอ่านนั้นได้รู้สึกลุ้น ตื่นเต้น สะเทือนใจ และอินไปกับเรื่องราวของเด็กน้อยที่ชื่อว่ากะทิ จนมาถึงวันที่กะทิกำลังสูญเสียแม่ ซึ่งสะท้อนความเป็นจริงของชีวิตมนุษย์ที่ต้องพบกับความพลัดพลากจากสิ่งที่รักไม่เว้นแม้แต่เด็กตัวน้อย ๆ

เรามักคิดว่าความสุขเกิดขึ้นได้ถ้าไม่เจอปัญหาหรือความทุกข์ แต่กะทิได้สอนให้ผู้อ่านทราบว่าความสุขนั้นเกิดขึ้นได้ในทุกสถานการณ์ กะทิได้แสดงความเข้มแข็งเกินเด็กจริง ๆ


“ตามคำอธิษฐานของแม่เมื่อคลอดกะทิ ขอให้ลูกแม่มีความสุขในใจเสมอไม่ว่าจะทุกข์เพียงใด”


หนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยอารมณ์สะเทือนในใจแต่ผสมกับด้วยความรักและความอบอุ่นจากคนในครอบครับ จบเรื่องด้วยความเต็มอิ่ม หมดจด งดงาม ที่สำคัญผู้อ่านได้หลงรักเด็กหญิงกะทิหมดหัวใจ