ฟังเนื้อหาผ่าน Indybook’s Podcast

ความลับของคนที่ไม่เคยเอางานกลับไปทำที่บ้าน
เขียนโดย Mentalish DaiGo
แปลโดย กมลวรรณ เพ็ญอร่าม

ใครเคยรู้สึกว่าในแต่ละวันมีงานเข้ามามากมายและตัวเองตกอยู่ในสภาวะเร่งด่วนตลอดเวลา บ่อยครั้งก็ต้องทำงานล่วงเวลา ซึ่งทำให้เสียเวลาชีวิตในการทำในสิ่งที่ตัวเองชอบและใช้เวลากับคนที่ตัวเองรัก

หนังสือเล่มนี้เป็นความลับของคนที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่เสียสมดุลชีวิตในบทบาทของตัวเองในด้านอื่น ๆ

ผมได้สรุปเนื้อหาโดยย่อเผื่อใครสนใจจะไดซื้อหามาอ่านเพิ่มเติม (รายละเอียดตามด้านล่างเลยครับ)

ให้ใช้ประโยชน์จากพลังสมาธิ
– ลองนึกถึงคนที่ทำงานเหมือนกับคุณ แต่เขากลับเคลียร์งานได้เสร็จเร็วกว่า จากนั้นได้เลื่อนขั้น แถมยังทำผลงานได้ดีกว่า
– ผู้เขียนในตอนเด็กไม่มีสมาธิและอยู่นิ่ง ๆ นาน ๆ ไม่ได้ ซึ่งผู้ปกครองก็เป็นห่วงว่าเป็นโรคบกพร่องทางการเรียนรู้ จนวันหนึ่งเค้าได้ตัดสินใจเด็ดขาดว่า “จะต้องตั้งใจเรียน และเปลี่ยนแปลงตัวเองใหได้” และเค้าก็ทำได้สำเร็จ ความสำเร็จต่าง ๆในชีวิตที่ได้มาเค้าได้บอกว่า “ทุกอย่างเป็นเพราะพลังของสมาธิ”
– หากเรามีเทคนิคการควบคุมพลังสมาธิอยู่กับตัว แม้จะรู้สึกเหนื่อยแต่ก็ยังสามารถใช้สมาธิจดจ่อกับสิ่งต่าง ๆ ได้อยู่ดี
– สิ่งที่สำคัญคือการโฟกัสอยู่กับกิจกรรมเพียงหนึ่งเดียว และฝึกปฎิบัติทีละอย่างด้วยความหนักแน่นและสุดท้ายคุณจะได้พลังสมาธิ

กฎ 3 ข้อที่ใช้ควบคุมพลังสมาธิ
กฎข้อที่ 1 คนที่มีสมาธิสูงจะเข้าใจวิธีการฝึกฝนสมาธิ (สมาธิเกิดจากการฝึกฝนไม่ใช่สิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด)
กฎข้อที่ 2 คนที่มีพลังสมาธิจริง ๆ ไม่ได้เป็นคนที่มีสมาธิได้นาน ๆ เขาจะใช้พลังสมาธิในช่วงสั้น ๆ แต่บ่อย ๆ)
กฎข้อที่ 3 คนที่มีพลังสมาธิจะควบคุมความเหนื่อยด้วยพลังสมอง

2 วิธีฝึกปรือพลังสมาธิ
1. เพิ่มมวลรวมของอำนาจจิตจากการฝึกฝน
2. ลดการสูญเสียอำนาจจิตโดยการเปลี่ยนกิจวัตรหรือการกระทำในแต่ละวัน
(มีสติอย่างแรงกล้าในการตระหนักรู้การกระทำที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว)

– คนเราจะรู้สึกเหนื่อยเพราะการตัดสินใจไม่ใช้การกระทำ
– ยิ่งเราผัดวันประกันพรุ่งเท่าไหร่ อำนาจจิตก็จะยิ่งถดถอยลง (ถ้าไม่ทำตอนนี้ยิ่งจะทำให้รู้สึกขี้เกียจเพิ่มขึ้นในวันข้างหน้า)
– ถึงจะฝึกฝนอำนาจจิตมากเท่าใด แต่อย่างไรเราก็ไม่ควรยืดเวลาการใช้พลังสมาธิไปเรื่อย ๆ จนเกินขอบเขต
– ถ้าคุณทราบการทำงานของสมองก็จะสามารถตัดความเหนื่อยล้าออกไป และดึงความกระตือรือร้นในการทำสิ่งต่าง ๆ รวมทั้งพลังสมาธิกลับมาได้

เครื่องยนต์ 7 อย่างที่ช่วยควบคุมพลังสมาธิ

  1. สถานที่
  2. บุคลิกภาพ
  3. การรับประทานอาหาร
  4. อารมณ์
  5. กิจวัตร
  6. การออกกำลังกาย
  7. การฝึกสมาธิ

– ยิ่งออกห่าง สมาร์ทโฟน หรือสิ่งของที่ไม่จำเป็นเท่าไหร่ยิ่งทำให้พลังสมาธิสูงขึ้น
– สถานที่เงียบ ๆ จะเหมาะสมที่สุดในการป้อนข้อมูลใส่สมอง
Introvert จะอ่อนไหวต่อเสียงดังเป็นพิเศษ ให้ใช้หูฟังตัดเสียงรบกวนจากภายนอก
– ใส่ใจกับการดื่มน้ำบ่อย ๆ ให้วางขวดน้ำไว้ใต้โต๊ะทำงาน
– รับประทานอาหารที่มีค่า GL ต่ำ + อาหารประเภทถั่ว
– เวลาเราทำงานหรือทำอะไรบางอย่างจนลืมเวลา และเป็นขณะที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังใช้พลังสมาธิ สภาวะแบบนี้เรียกว่า “สภาวะลื่นไหล Flow”
– การประหยัดอำนาจจิตโดยการทำกิจกรรมให้เป็นกิจวัตร ลดเวลาการตัดสินใจต่าง ๆ
– จัดการแต่งกายให้เป็นแบบแผนเช่นการจัดชุดไว้ 7 ชุดในการใช้ในแต่ละสัปดาห์ ลดช่วงเวลาที่จะต้องใช้ในการตัดสินใจ
– ในการจัดการสิ่งแวดล้อมในที่ทำงาน ให้กำจัดสิ่งของต่าง ๆ ที่ทำให้เราวอกแวกได้
– ทำให้ลิ้นชักชั้นแรกเป็นชั้นโล่ง ๆ ว่าง ๆ ไว้เก็บสิ่งของที่อาจจะทำให้วอกแวกเช่น โทรศัพท์มือถือ
– การออกกำลังกายเปรียบเสมือนปุ่มรีเซ็ตของสมอง การออกกำลังกายทำให้สมองได้ฝึกฝน แถมยังไม่ทำให้เราเหนื่อยง่ายด้วย

สิ่งที่ได้จากการฝึกสมาธิ

  1. ได้ความผ่อนคลาย
  2. พลังสมาธิเพิ่มขึ้น
  3. กังวลหรือประหม่าลดลง
  4. ความสามารถในการควบคุมอารมณ์เพิ่มขึ้น
  5. ไขมันในร่างกายลดลง
  6. ประสิทธิภาพในการนอนหลับเพิ่มขึ้น

กำจัดความเหนื่อยและความอ่อนเพลีย

ความอ่อนเพลียมี 3 ชนิด
1. ร่างกายอ่อนเพลีย
2. จิตใจอ่อนเพลีย
3. ประสาทอ่อนเพลีย
แต่การเหนื่อยล้าทั้ง 3 ชนิดไม่ได้ทำให้อำนาจจิตหมดไป

วิธีการบำบัด 3 ข้อที่ช่วยรีเซตความเหนื่อยล้า
1. การนอนหลับ
2. การบำบัดจากประสาทสัมผัส
3. การเขียนความกลุ้มใจออกมา

– การงีบหลับ 15 นาทีเทียบเท่าการนอนหลับ 3 ชั่วโมง (Power Nap) แต่ควรอยู่ในช่วง 15-20 นาทีไม่ควรเกินกว่านั้น
– การเขียนความกังวลลงบนกระดาษเป็นเหมือนการนำความรู้สึกในใจออกมาข้างนอก เป็นการรีเซ็ตความจำใช้งานและเพิ่มพื้นที่ว่างสำหรับความจำใช้งาน
– สมองในช่วง 2 ชั่วโมงหลังจากตื่นเช้าเป็นช่วงที่เกิดความสามารถด้านความคิดสร้างสรรค์ได้ดีที่สุด

เป็นยังไงบ้างครับสำหรับเนื้อหากว้าง ๆ ของหนังสือเล่มนี้ จริง ๆ แล้วรายละเอียดต่าง ๆ ในเล่มมีอีกเยอะมากเกินกว่าที่จะสรุปใส่ในนี้ได้

สรุปหนังสือเล่มนี้ก็เป็นอีกเล่มที่ผมขอแนะนำให้อ่านและนำไปปฏิบัติสำหรับผู้ที่ต้องการความ Productive ในชีวิตทุกด้านครับ