ฟังเนื้อหาผ่าน Indybook’s Podcast

เขียนโดย มิเชลล์ โอบามา  
แปลโดย นุชนาฎ เนตรประเสริฐศรี

หนังสือเล่มนี้มีความหนาถึง 534 หน้า แต่พอได้เริ่มอ่านก็ใช้เวลาไม่นานนักก็อ่านจบ เพราะเนื้อเรื่องสนุกสนานน่าติดตามเปรียบเสมือนอ่านวรรณกรรมชั้นดี ถ้าเปรียบเทียบกับวรรณกรรมเยาวชนซักเล่ม Becoming – มิเชลล์ โอบามา ก็คือ หนังสือแฮรรี่พอตเตอร์ที่มีเฮอร์ไมโอนี่เป็นตัวเดินเรื่องแต่มีพระเอกที่ชื่อว่า บารัก โอบามา และเส้นทางเข้าสู่ทำเนียบขาวเปรียบเสมือนการต่อสู่กับจอมมารในโลกของเวทมนตร์

หนังสือแบ่งเป็น 4 ส่วนใหญ่ ๆ และเนื่องจากเป็นหนังสือชีวประวัติจึงค่อนข้างเป็นเรื่องยากในการสรุป ผมเลยขอเล่าบางช่วงบางตอนที่น่าสนใจ กระตุ้นให้อยากอ่านต่อในแต่ละช่วงวัยของชีวิตของเธอ

  1. ชีวิตในวัยเด็ก, วัยรุ่นและช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต
  2. วัยทำงานค้นหาชีวิตและความรักกับนักศึกษาฝึกงาน
  3. ช่วงตัดสินใจเข้าสู่เวทีทางการเมืองของ บารัก โอบามา
  4. บทบาทตอนเป็นสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐอเมริกา

มิเชลล์ย้ายมาอยู่บ้านใหม่เป็นบ้านที่ก่ออิฐแดง หลังจากหมดวาระ 8 ปีจากตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาของบารัก โอบามา เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เธอปิ้งขนมปังด้วยตนเองโดยไม่มีใครมาชิงบอกว่าจะหยิบให้ ทำให้ชวนนึกถึงชีวิตเดิม ๆ ของเธอ เธอนั่งใครครวญชีวิตของสตรีหมายเลข 1 ที่เดินทางมาถึงจุดที่ความวุ่นวายหมดสิ้น…

วัยเด็ก

ครอบครัวของมิเชลล์เป็นครอบครัวที่มีพ่อแม่และพี่ชายรวมเป็น 4 คน อาศัยเช่าอยู่ชั้นบนของบ้านตายาย พออายุได้ 4 ขวบ เธอก็เริ่มเรียนเปียนโนกับคุณยาย (ยายเปิดโรงเรียนสอนเปียนโนชั้นล่าง) ทำให้เผยความเป็นขบทเล็กน้อย เช่นแอบไปฝึกเพลงใหม่ที่ยังไม่ถึงระดับของตัวเองซึ่งคุณยายไม่อนุญาตจนทำให้คุณยายโมโห แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ เป็นการต่อสู้ของเด็กตัวเล็ก ๆ สุดท้ายเธอก็ได้เข้าร่วมแสดงเปียนโนครั้งสำคัญสำเร็จ

“ฉันชอบพุ่งชนเป้าหมาย การเรียนรู้ช่างเป็นเวทมนตร์วิเศษสำหรับฉัน”

แม่ของมิเชลล์มีวิธีการเลี้ยงลูกที่ดีมาก คือการวางตัวเป็นกลางและปล่อยวางแท้จริง

“แม่ฉันเพียงแต่วางตัวสม่ำเสมอมั่นคง ท่านไม่ด่วนตัดสิน และไม่รีบก้าวก่าย แม่จะสำรวจอารมณ์ความรู้สึกเรา และคอยยร่วมรับรู้ชัยชนะหรือความลำบากใด ๆ เวลาเราเจอเรื่องร้าย ๆ ท่านก็จะสงสารนิดหน่อย เวลาที่เราทำอะไรดีเยี่ยมแม่ก็จะชมเชยแค่พอให้รู้ว่าท่านดีใจกับเราด้วย”

ตัวอย่างคำสอนของแม่

“ลูกไม่ต้องชอบครูที่สอนก็ได้ แต่ว่าสมองของครูคนนั้นรู้เรื่องคณิตศาสตร์ดีแบบที่ลูกอยากให้สมองของตัวเองมี ใส่ใจแค่นี้เถอะ ที่เหลือไม่ต้องสนในหรอก”


วัยรุ่น

ช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับร่างกายและจิตใจ ช่วงที่เพื่อนเริ่มมีอิทธิพลต่อชีวิต ความรักของหนุ่มสาว ความสับสน และการเลือกเส้นทางชีวิตตลอดถึงการเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย

ก่อนเข้ามหาลัยครั้งหนึ่งเธอเข้าไปปรึกษาอาจารย์แนะแนว เธอสะดุ้งอย่างแรงกับประโยคเดี่ยวที่หล่อนเอ๋ยออกมา
“ฉันไม่แน่ใจ” หล่อนพูดแบบทิฐิ แบบคนที่เหนือกว่า “ว่าเธอจะเหมาะกับพรินซ์ตัน”
ความเห็นของหล่อน หลุดปากออกมาไวพอ ๆ กับที่ทีไม่ใส่ใจ งานถนัดอย่างหนึ่งที่หล่อนทำมาทั้งวันอย่างคล่องแคล่วเจนจัด การคอยบอกนักเรียนปีสุดท้ายว่าใครเหมาะหรือไม่เหมาะกับสถาบันไหน

“หล่อนบอกให้ฉันมองต่ำไว้ ซึ่งตรงข้ามกับทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อแม่เคยสอนมา”

ฉันจะไม่ยอมให้ความเห็นของคนคนเดียวทำลายทุกอย่าง ซึ่งฉันคิดว่ารู้จักตัวเอง

จากความพยายามอย่างยิ่งยวดอีกหกเจ็ดเดือนมีจดหมายส่งถึงบานเราบนถนนยูลิค ตอบรับให้ฉันเข้าเรียนที่พรินซ์ตัน

ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มิเชลล์จะเข้าไปอยู่กับสังคมที่มีคนผิวขาวเป็นส่วนใหญ่ พรินซ์ตันทำให้เราเข้าใจบริบทการแบ่งสีผิวของคนอเมริกันที่หยั่งรากลึก…


ความรักกับนักศึกษาฝึกงาน

หลังจากเรียนจบเธอเข้าทำงานในแผนกดูแลทรัพย์สินทางปัญญาและการตลาด และเธอก็ต้องรับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงดูแลนักศึกษาฝึกงานเจ้าสเหน่ “บารัก โอบามา”

บารัก โอบามา มาสายตั้งแต่วันแรก เขาสร้างกระแสให้คนในบริษัทฯ ตื่นเต้น ส่วนหุ้นส่วนฝ่ายบริหารยืนยันว่าเขาเป็นนักศึกษากฎหมายที่มีพรสวรรค์ที่สุดเท่าที่เธอเคยพบ

เธอมีความรู้สึกหมั่นไส้เล็ก ๆ และไม่ค่อยชอบบารัก แต่ก็สนิทกันในระยะเวลาอันสั้น แลกเปลี่ยนเรื่องราว บารักเล่าว่าช่วงหนึ่งเขาเป็นคนไม่เอาไหน ไม่คอยยับยั้งชั่งใจ วัยรุ่นเขาเคยสูบกัญชาแถวตีนภูเขาไฟเขียวชอุ่มที่โอวาฮู ทว่าตรงไหนสักแห่งในเส้นทางชีวิตของเขาเปลี่ยนไป ก้าวเข้าหาอัตลักษณ์อันซับซ้อนของตัวเอง เขาเป็นคนเรียบง่ายใช้ชีวิตสมถะ แต่รู้ว่าตัวเองร่ำรวยสติปัญญา


ได้มาเป็นเรา

“คืนหนึ่งฉันตื่นชึ้นมาเจอเขานอนจ้องมองเพดาน แสงจากไฟถนนข้างนอกส่องให้เห็นหน้าด้านข้าง ท่าทางเขาดูกลุ้ม ๆ ราวกับว่ากำลังไตร่ตรองบางอย่างลึกซึ้งเป็นส่วนตัว

“นี่คุณคิดอะไรอยู่เหรอ” เธอกระซิบถาม

เขามองมาหาฉันยิ้มอาย ๆ พลางตอบว่า “อ๋อ” ผมแค่นึกถึงปัญหาความไม่เสมอภาคด้านรายได้นะ”

หลังจากบารักกลับไปเรียนฮาวาร์ด เขาก็ได้สร้างประวัติศาสตร์ ด้วยการได้รับเลือกเป็นประธานงานจัดทำวารสาร Havard Law Review โดยเป็นคนเชื้อสายแอฟริกันรายแรกที่ได้เป็นประธานวารสารที่จัดพิมพ์มากว่า 103 ปี

ตรงจุดนี้บารักสามารถเรียกเงินเดือนงามแค่ไหนก็ได้จากงานในบริษัทกฎหมาย แต่เขากลับคิดว่าเรียนจบแล้วจะทำงานด้านกฎหมายสิทธิพลเมือง

สำนึกเรื่องจุดหมายของเขาคล้ายกับท้าทายสำนึกเรื่องเธอโดยไม่รู้ตัว ในบันทึกของเธอได้เขียนว่า

ข้อหนึ่ง ฉันรู้สึกสับสนมากว่าอยากให้ชีวิตตัวเองมุ่งไปที่ไหน อยากให้ตัวเองเป็นคนแบบไหน อยากมีส่วนร่วมทำประโยชน์ให้โลกอย่างไร

ข้อสอง ฉันเริ่มจริงจังมากเรื่องความสัมพันธ์กับบารักแล้วรู้สึกว่าต้องจัดการตัวเองให้ดีกว่านี้

ฉันบอกแม่ว่า ฉันไม่มีความสุขกับงานที่ทำ ไม่มีความสุขเอามาก ๆ

การสูญเสียพ่อ ตอกย้ำให้เธอสำนึกว่า ไม่มีเวลามัวแต่คิดคำนึงแล้วว่าตัวเองควรเดินทางต่อไปอย่างไร “ฉันแน่ใจว่าตัวเองทำอะไรให้โลกได้มากกว่านั้น ถึงเวลาที่ต้องขยับแล้ว”

การเบี่ยงเบนเส้นทางชีวิตครั้งสำคัญ บารัก เชื่อมั่นและวางใจขณะที่คนอื่น ๆ ไม่..


ภาพส่วนหนึ่งที่ใช้ประกอบในหนังสือ

การแต่งงาน (ฉากขอแต่งงานแบบย่อ ๆ)

ณ ร้านประจำของ มิเชลล์ และ บารัก
“เราย้อนกลับไปหาข้อโต้แย้งเก่า ๆ การแต่งงานสำคัญไหม ทำไมสำคัญ เราปล่อยหมัดและปกป้องหมัด ตรวจสอบและซักค้าน แม้ชัดเจนว่าฉันดุเดือดกว่าและเป็นฝ่ายพูดเสียส่วนใหญ่”

ในที่สุดบริกรก็ถือจานของหวานมีฝาเงินครอบยกมาเสริฟที่โต๊ะเรา ฉันหงุดหงิดจนแทบไม่เหลือบมองลงไปด้วยซ้ำ…กล่องข้างในเป็น “แหวนเพชร”

บารักคุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วเอ๋ยถามอย่างจริงใจด้วยเสียงเจออารมณ์ ว่าฉันจะให้เกียรติ แต่งงานกับเขาไหม

ฉันตกตะลึงจ้องแหวนบนนิ้วตัวเองอยู่ครู่ใหญ่ มองหน้าบารักให้แน่ใจว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง


เส้นทางทางการเมือง

ในการเป็นภรรยาของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิปดีของสหรัสอเมริกา มาพร้อมกับภาระอันหนักอึ้งในเส้นทางสู่ทำเนียบขาว มีปัญหาทั้งภายนอกและภายในครอบครัว และการต่อสู้ในจิตใจมากมายที่ผู้หญิงคนนึงต้องผ่านไปให้ได้

ช่วงเวลาที่สำคัญที่เธอต้องตัดสินใจในฐานะแม่ของลูกทั้งสอง ในฐานะภรรยาที่ดี ตัวอย่างความคิดต่อไปนี้จะสะท้อนความรู้สึกภายในของเธอ

“คำคืนที่บารักอยู่ในวอชิงตัน ฉันนอนอยู่บนเตียงคนเดียว รู้สึกเหมือนตัวเองต้องต่อสู้กับคนทั้งโลก ฉันอยากเก็บบารักไว้แค่ในครอบครัวเรา ขณะที่ใคร ๆ ดูจะอยากให้เขาขึ้นบริหารประเทศ”

“เรื่องนี้ฉันต้องแบก แบกอยู่คนเดียวทั้งหมด ฉันกลัวหรือว่าฉันแค่เหน็ดเหนื่อยนะ”

“แต่กระทั้งตอนนี้ ขณะนั่งอยู่ในบานก่ออิฐเงียบสงบบนถนนสงบเงียบ ฉันก็อดไม่ได้ที่อยากปกป้องสิ่งที่เรามีอยู่ อยากดูแลลูก ๆ เรา แล้วลืมอย่างอื่นให้หมด อย่างน้อยก็จนกว่าลูกจะโตอีกนิด”

“บางครั้งเราพูดคุยคละเคล้ากับอารมณ์เกรียวโกรธบ้าง หลั่งน้ำตาบ้าง บางคราวเปิดอกจริงใจ และคิดด้านบวก มันคือภาคขยายต่อของเรื่องที่เราคุยกันมาสิบเจ็ดปีแล้ว”

เราเป็นใคร อะไรสำคัญต่อเรา เราทำอะไรได้บาง

ลงท้ายก็สรุปได้ว่าฉันยอมตกลง เพราะฉันเชื่อว่าบารักจะเป็นประธานาธิบดีที่ดีมากได้ เข้าเป็นคนมั่นใจตัวเองอย่างที่น้อยคนจะเหมือน เขามีสติปัญญา และมีวินัยพอที่จะทำงานนั้นได้

“ฉันตอบตกลงเพราะฉันรักเขาและศรัทธาในสิ่งที่เขาทำได้”


เส้นทางสู่ทำเนียบขาว

บารักและมิเชลล์ โอบามา ทำงานหนักท่ามกลางกลุ่มคนที่เป็นมืออาชีพที่ทุ่มเทสุด ๆ

ความสำเร็จล้วนผ่านการวางแผนที่ดี กลยุทธิที่ถูกต้อง ทำงานหนัก มีทีมงานและเครือข่ายที่ดี จึงจะมีโอกาสให้ประสบความสำเร็จได้

ระหว่างการรณรงค์หาเสียง รายการทีวีช่อง Fox News วิจารณ์ “ท่าทางฉุนเฉียวทารบ” ของฉัน สื่อในอินเตอร์เน็ตยิ่งผลิตข่าวมากมาย จนมีเทปภาพฉันเรียกคนขาวว่า “พวกคนขาว” (Whitey) ซึ่งประหลาดมากและไม่จริงเลย

“ฉันเริ่มหมดสภาพ ไม่ใช่ร่างกายแต่ทางอารมณ์ ความรู้สึกราวกับว่ามีตัวฉันในฉับการ์ตูนเที่ยวออกไปสร้างปัญหา”


“พ่อขา” เสียงลูกฟังเหมือน ๆ จะขอโทษ “บนถนนไม่เห็นมีใครเลยคะ หนูว่าไม่มีใครมางานฉลองของพ่อมั้ง”

บารักกับฉันสบตากันและหัวเราะออกมา เราเพิ่งนึกได้ตอนนี้เองว่าบนท้องถนนมีแต่ขบวนเราของเราเท่านั้น ตอนนี้บารักได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีแล้ว หน่วยอารักขากันทุกอย่างออกไปหมด ปิดถนนทั้งช่วง ปิดกั้นทางแยกตลอดเส้นทางนี้ ไม่ช้าเราจึงเรียนรู้ว่าเป็นมาตรฐานการป้องกันล่วงหน้าสำหรับประธานาธิบดีแต่คือเรื่องใหม่สำหรับเรา

ไม่มีคู่มือสำหรับคนที่จะมาเป็นสตรีหมายเลขหนึ่งของอเมริกา โดยหลักการแล้วตำแหน่งนี้ไม่ใช้งานและไม่ใช่ตำแหน่งทางการของรัฐ ไม่มีเงินเดือน ไม่ระบุหน้าที่รับผิดชอบคล้ายพ่วงมาแปลก ๆ กับตำแหน่งประธานาธิบดี

“ถ้าไม่ออกไปนิยามตัวเองให้ชัด คุณจะถูกคนอื่นชิงนิยามให้อย่างไม่ตรงตามความเป็นจริงด้วย”


ภาพส่วนหนึ่งที่ใช้ประกอบในหนังสือ

ในรั่วทำเนียบขาว

บัดนี้สามีฉันเป็นมนุษย์ผู้ได้รับการรักษาความปลอดภัยเข้มข้นที่สุดคนหนึ่งของโลก คิดแล้วรู้สึกโล่งใจ และอึดอัดไปพร้อม ๆ กัน

ฉันนึกอัศจรรย์ใจที่ลูกเราวางตัวได้สมบูรณ์แบบตลอดพิธีรับตำแหน่ง ไม่หลุดหลุกหลิกลอกแลก ไม่ห่อไหล่ แล้วก็ไม่ลืมยิ้ม

หลังจากพิธีสาบานตน มาเลียกับซาซา เก็บตัวมิดชิดอยู่ด้านหลังภายในรถลีมูนซีนที่เคลื่อนที่ตามไป พวกแกดูจะฉุดคิดขึ้นมาได้ว่า ในที่สุดตัวเองก็ได้อยู่ตามลำพังพ้นสายตาของใคร ๆ

พอบารักกับฉันกลับขึ้นรถจึงเห็นทั้งสองหัวเราะกลิ้งแทบหายไม่หายใจ สลัดตัวเองออกจากมาดเรียบร้อยเป็นพิธีรีตรองทั้งหลายแหล่ ต่างถอดหมวกทิ้ง แล้วขยี้ผมกันกระจุยดิ้นสะบัด แกล้งจั๊กจี้ เล่นตามประสาพี่น้อง สุดท้ายทั้งคู่ก็หมดแรงนอนแผ่บนเบาะรถ

ตอนนั้นบารักและฉันพลันรู้สึกโล่งอกสบายใจ ตอนนี้เราเป็นครอบครัวหมายเลขหนึ่ง และเรายังเป็นตัวเราเองด้วย


ฉันรู้ว่าอะไรสำคัญต่อตัวเอง ไม่อยากเป็นเครื่องมือประดับที่แต่งตัวสวยไปออกงานเลี้ยงและตัดริบบินเปิดงานโน่นนี่ ฉันอยากทำสิ่งที่มีเป้าหมายและยั่งยืน ตัดสินใจว่างานแรกสุดที่จะพยายามอย่างจริงจังคือ “ทำสวน”

ฉันตั้งใจจะใช้งานที่เราทำที่สวนผักจุดประกายให้คนทั่วไปสนใจพูดคุยเรื่องโภชนาการด้วย โดยเฉพาะในโรงเรียนและหมู่พ่อแม่ ซึ่งจะให้ดีที่สุดก็ควรนำไปสู่ความคิดเห็นกันว่าอาหารถูกผลิต ติดป้าย และวางจำหน่ายอย่างไร ร่วมกับวิธีการต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อคนทั่วไป


ช่วงที่มีการจัดประชุมผู้นำชาติกลุ่ม G20 (ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ทั่วโลก)
ช่วงหนึ่งตอนท้าย ๆ ของงานเลี้ยง ฉันหันไปพบควีน เอลิซาเบธ(แห่งสหราชอาณาจักร) เสด็จมาประทับอยู่ข้าง ๆ ข้อศอกฉัน

ขอยกตัวอย่างบางช่วงที่มิเชลและควีนสนธนาการกัน

ควีนถามว่า “รองเท้าพวกนี้ใส่ไม่สบาย เลยใช่ไหมละ” ฉันก็สารภาพว่าเจ็บเท้าอยู่ พระองค์ทรงเผยว่าเจ็บเท่าเหมือนกัน จริง ๆ แล้วเราเป็นเพียงสตรีอ่อนเพลียสองคนที่โดนรองเท่ากัดเท้า


ขอแนะนำหนังสือเล่มนี้สำหรับผู้ที่สับสนในการเลือกเส้นทางเดินของชีวิต เช่น กำลังจะเปลี่ยนงานไปทำในสิ่งที่รัก

เรียนรู้เส้นทางของคนธรรมดาที่ไม่ธรรมดาของ มิเชลล์และบารัก โอบามา ถูกถ่ายทอดในมุมมองของผู้หญิงธรรมดาที่เป็นลูก แม่ และ ภรรยา เรื่องราวของความผิดหวัง ล้มเหลว ต่อสู้ จนกระทั้งประสบความสำเร็จ

ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ

Mr.Indy